........
........
........ ........

"The independence day of israel"

" 14 may 2015 at siamkempinski hotel thailand ในพ.ศ. 2556 ที่จะถึงนี้ จะครบวาระที่ประเทศไทยและประเทศอิสราเอลจะร่วมกันเฉลิมฉลอง 60 ปี
การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดำเนินมายาวนานระหว่างกัน!
รัฐอิสราเอล ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย
จะดำรงไว้ซึ่งการเสริมสร้างสายสัมพันธ์ของมิตรภาพระหว่างชนทั้งสองชาติ รวมทั้งความสัมพันธ์ทางการทูต และ
" การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจระหว่างกันต่อไป
 
.......อิสราเอล (อังกฤษ: Israel; ฮีบรู: ???????????; อาหรับ: ????????????) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า รัฐอิสราเอล (อังกฤษ: State of Israel; ฮีบรู: ???????? ???????????;อาหรับ: ??????? ????????????) เป็นประเทศในตะวันออกกลาง ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปกครองในระบอบสาธารณรัฐแบบมีรัฐสภา มีพรมแดนทิศเหนือติดเลบานอน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดซีเรีย ทิศตะวันออกติดจอร์แดนและเวสต์แบงก์ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอียิปต์และฉนวนกาซา และทิศใต้ติดอ่าวอกาบาในทะเลแดง และมีภูมิลักษณ์ทางภูมิศาสตร์หลากหลายภายในพื้นที่ที่ค่อนข้างเล็ก กฎหมายพื้นฐานของอิสราเอลจำกัดความว่า อิสราเอลเป็นรัฐยิวและประชาธิปไตย และเป็นรัฐที่มีชาวยิวเป็นประชากรส่วนใหญ่ประเทศเดียวในโลก
ศูนย์กลางทางการเงินของอิสราเอลอยู่ที่เทลอาวีฟ ขณะที่เยรูซาเลมเป็นนครที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศและเป็นเมืองหลวง แม้จะไม่ได้รับการรับรองจากนานาประเทศ ประชากรอิสราเอล ตามที่นิยามโดยกรมสถิติกลางอิสราเอล ประเมินไว้เมื่อ พ.ศ. 2555 อยู่ที่ 8,134,100 คน ในจำนวนนี้ 5,985,100 คนเป็นชาวยิว ชาวอาหรับเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ โดยมีประชากร 1,638,500 คน รวมทั้งดรูซและเบดูอิน ชาวอาหรับอิสราเอลส่วนใหญ่เป็นมุสลิมที่ตั้งถิ่นฐาน โดยมีส่วนที่น้อยกว่าแต่ยังถือว่ามีจำนวนมากเป็นชาวเบดูอินเนเกฟและคริสต์ศาสนิกชนอาหรับที่กึ่งตั้งถิ่นฐาน (semi-settle) ชนกลุ่มน้อยอื่นยังมีเชื้อชาติและนิกายเชื้อชาติ-ศาสนาอีกเป็นจำนวนมาก
อิสราเอลปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน โดยมีระบบรัฐสภา การมีผู้แทนตามสัดส่วนและสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไป นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล และเนสเซทเป็นองค์การบริหารอำนาจนิติบัญญัติสภาเดี่ยวของอิสราเอล อิสราเอลมีความคาดหมายการคงชีพสูงสุดประเทศหนึ่งในโลกอิสราเอลเป็นประเทศพัฒนาแล้ว สมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และเศรษฐกิจของอิสราเอล ใหญ่เป็นอันดับที่ 41 ของโลก ตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศราคาตลาดใน พ.ศ. 2554 อิสราเอลมีมาตรฐานการครองชีพสูงสุดในตะวันออกกลางและสูงสุดเป็นอันดับสามในทวีปเอเชีย และมีความคาดหมายการคงชีพสูงสุดประเทศหนึ่งของโลก
 
.......ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าได้ทำพันธสัญญากับท่านอับราฮัม เนื่องจากว่าพระองค์ได้ทรงมองเห็นว่าท่านอับราฮัม เป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระองค์ อับราฮัมมีลูกด้วยกันสองคน คนแรกคือ อิสมาเอล (Yismael) ที่เกิดกับหญิงทาสชื่อว่า นางฮาการ์ (Hagar) คนที่สองคือ อิสอัค (Ishak) หรือไอแซค (Issic) ที่เกิดกับซาราห์ (Sarah)ผู้เป็นบุตรหญิงของบิดาของอับราฮัม แต่ไม่ใด้เกิดจากมารดาเดียวกัน ส่วนเชื้อสายของอิสอัคนั้น เป็นต้นตระกูลของชาวอิสราเอล โดยอิสอัคมีลูกด้วยกันสองคนคือ เอซาว (Esau) และยาโคบ (Jacob) หรืออิสราเอลตามที่พระเจ้าได้ทรงตั้งชื่อให้เมื่อครั้งที่ท่านยาโคบหรือท่านอิสราเอลได้ปล้ำสู้กับพระเจ้าแล้วได้ชัยชนะครั้งที่ข้ามแม่น้ำยับบอก(การปล้ำสู้กันครั้งนี้เป็นเหตุให้ผู้ชายอิสราเอลไม่กินเส้นที่ตะโพก ซึ่งอยู่ที่ข้อต่อตะโพกนั้นจนถึงทุกวันนี้ เพราะพระองค์ทรงถูกต้องข้อต่อตะโพกของ ยาโคบตรงเส้นเอ็นที่ตะโพก ยาโคบ Jacob หรือ อิสราเอล มีลูกด้วยกันสิบสามคนคือ รูเบน สิเมโอน เลวี ยูดาห์ ดาน นัฟทาลี กาด อาเชอร์ อิสสาคาร์ เศบูลุน โยเซฟ และเบนยามิน และดีนาหฺ์ (หลังจากให้กำเนิดเศบูลุน เลอาห์ให้กำเนิดบุตรสาวคือดีนาห์นี่เอง) จากพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับอับราฮัมพระองค์จึงได้บรรดาลให้เกิดภัยแล้งขึ้นทั่วโลก
................
.......ต่อมาได้เกิดภัยแล้งขึ้น ยาโคบ หรืออิสราเอล และครอบครัว ต้องทำมาหากินด้วยความยากลำบาก โยเซฟ บุตรคนหนึ่งของยาโคบได้ไปเป็นผู้ดูแลราชอาณาจักรในอียิปต์ เขาได้นำพี่น้องทั้งหมดที่ต้องประสบกับภัยแล้งในคานาอันเข้ามาอยู่อาศัยในแผ่นดินอียิปต์ ครั้นพอสิ้นโยเซฟไป ฟาโรห์องค์ต่อมาได้เกิดความไม่ไว้ใจต่อชาวฮีบรู จึงลดฐานะให้เป็นทาส แล้วเกณฑ์แรงงานไปใช้ในการทำอิฐเพื่อใช้ในการก่อสร้างพีรมิด และมีคำสั่งให้ประหารชีวิตเด็กเกิดใหม่เป็นจำนวนมาก มีทารกเพศชายคนหนึ่งรอดตายจากคำสั่งประหารนั้นมาได้ ชื่อว่า "โมเสส" (Moses) โมเสสเติบโตขึ้น เป็นผู้พาพวกอิสราเอล หรือ ฮีบรูซึ่งนับแต่ผู้ชายได้ถึง 600,000 คน ผู้หญิงและเด็กต่างหาก และยังมีฝูงชนชาติอื่นเป็นจำนวนมากติดตามไปด้วย พร้อมทั้งฝูงสัตว์ คือฝูงแพะแกะและโคจำนวนมาก ออกจากอียิปต์กลับไปสู่ประเทศปาเลสไตน์ โดยพระกรที่เหยียดออก พวกฮีบรูมีความสามัคคีและมีกำลังเข้มเข็งขึ้น จึงได้ทำการรวบรวมดินแดนโดยรอบ อันได้แก่ ดินแดนของพวกคานัน และพวกอาราเอลไลท์ แต่ก็ถูกรุกรานจากพวกพวกฟิลิเตีย (Philistine) ซึ่งอพยพจากเกาะครีต (Crete) และเข้ามาตั้งภูมิลำเนาอยู่แถบชายทะเล ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปาเลสไตน์ และพวกอามอไรท์กับฮิตไตท์จากทางเหนือ ทำให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องมีกษัตริย์ปกครอง พวกอิสราเอลไลท์ได้พร้อมใจกันเลือกหัวหน้ากลุ่มที่เข้มแข็งขึ้นมาผู้หนึ่งชื่อ "ซาอูล" (Saul) ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรก เมื่อประมาณ 1,050 ปี ก่อนคริสตกาล หลังจากนั้น ชาวยิวมีกษัตริย์ที่เก่งกล้าอีก 2 องค์คือกษัตริย์ดาวิดและกษัตริย์โซโลมอน เมื่อกษัตริย์โซโลมอนสิ้นพระชนม์ เมื่อ ปี 930 ก่อนคริสต์ศักราช ทำให้อาณาจักรของโซโลมอนแตกออกป็นสองส่วนคือ อาณาจักรอิสราเอล (The Kingdom of Israel) โดยมีกรุงสะมาเรียเป็นเมืองหลวง และอาณาจักรยูดาห์ (Kingdom of Judah) โดยมีเยรูซาเลมเป็นศูนย์กลาง
.......ในปัจจุบันอิสราเอลได้มีดินแดนในการควบคุมและเคยควบคุม ดังนี้
" เวสต์แบงก์ (1967-ปัจจุบัน)
" ฉนวนกาซา (1956-1957 , 1967-2005)
" เยรูซาเลมตะวันออก (1967-ปัจจุบัน ; โดยในปี ค.ศ. 1980 อิสราเอลได้ผนวกเยรูซาเลมตะวันออกอย่างเป็นทางการ)
" คาบสมุทรไซนาย (1956-1957 , 1967-1982)
" ที่ราบสูงโกลัน (1967-ปัจจุบัน)
" เลบานอนใต้ (1982-2000)
 
........
........โครงสร้าง เทลอาวีฟ
ระบบเศรษฐกิจอิสราเอลมีลักษณะผสมผสานระหว่างการที่รัฐเข้าไปมีบทบาทควบคุมกิจการที่มีกำลังการผลิตและการจ้างงานสูง ขณะที่ภาคเอกชนก็สามารถมีกิจการได้โดยเสรี โดยทั่วไปแล้ว เศรษฐกิจของอิสราเอลจะอยู่ใต้อิทธิพลของความจำเป็นด้านความมั่นคง
" ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ต้นไม้ ธาตุทองแดง โปแตช ก๊าซธรรมชาติ หินฟอสเฟต โบรมีน
" อัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 1.9 (ปี 2549)
" อัตราผู้ว่างงาน ร้อยละ 8.5 (ปี 2549)
" สินค้าส่งออกที่สำคัญ เครื่องจักรและอุปกรณ์ software เพชรเจียระไน ผลิตภัณฑ์เกษตร เสื้อผ้า
" สินค้านำเข้าที่สำคัญ วัตถุดิบ อาวุธยุทโธปกรณ์ เชื้อเพลิง เพชร เมล็ดข้าว สินค้าอุปโภคบริโภค
" ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี เบลเยี่ยม สวิตเซอร์แลนด์ จีน ฮ่องกง
" ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เบลเยี่ยม ฮ่องกง สหราชอาณาจักร
" ตลาดนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เบลเยี่ยม เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร"
มีจำนวนประมาณ 6 ล้านคน ร้อยละ 90 อาศัยอยู่ในเขตเมืองที่ทันสมัย แต่ก็มีบางส่วนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองเก่า ส่วนประชากรอีกร้อยละ 6 อยู่ในชนบทโดยเป็นสมาชิกสหกรณ์ 2 ลักษณะคือ คิบบุตซ์ และโมชาฟ ชาวอิสราเอลมีหลายชาติพันธ์ ทั้งชาวยิว และชนอาหรับพื้นเมือง รวมทั้งชาวยิวที่อพยพมาจากยุโรป แอฟริกา เอเชีย และประเทศตะวันออกกลางอื่น ๆ ประชากรส่วนใหญ่ อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ อาทิ เทลอาวีฟ เยรูซาเลม และไฮฟา ที่เหลือกระจัดกระจายตามพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศชาวอิสราเอล ร้อยละ 82 นับถือศาสนายูดาย (Judaism) ที่เหลือนับถือศาสนาอิสลาม (14 %) คริสต์ (2%) อายุเฉลี่ย 79.46 ปี ชาย 77.33 ปี หญิง 81.7 ปี อัตราการเขียนออกอ่านได้ ร้อยละ 95.4
........
เชื้อชาติ
ยุโรป 32.1% อิสราเอล 20.8% อาหรับ 19.9% แอฟริกา 14.6% เอเชีย 12.6%

อิสราเอลมีวัฒนธรรมทั้งเก่า และใหม่ผสมผสานกัน กล่าวคือ วัฒนธรรมโบราณของยิวที่เก่าแก่กว่า 4000 ปี และวัฒนธรรมใหม่ที่เกิดจากการหลั่งไหลของชาวยิวจากทั่วโลกที่กลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในอิสราเอลภายหลังการก่อตั้งรัฐอิสราเอล เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2491 ชาวอิสราเอลร้อยละ 90 อาศัยอยู่ในเขตเมืองที่ทันสมัย แต่ก็มีบางส่วนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองเก่า ส่วนประชากรอีกร้อยละ 6 อยู่ในชนบทโดยเป็นสมาชิกสหกรณ์ 2 ลักษณะคือ คิบบุตซ์ และโมชาฟ
........
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อได้ที่ press@bangkok.mfa.gov.il หรือ โทร. ๐๒ ๒๐๔ ๙๒๓๗
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
แผนกข่าวสารและวัฒนธรรม
Embassy of Israel in Thailand
Tel: +66-2-2049237 ? Fax: +66-2-2049255
Email: press@bangkok.mfa.gov.il
........
........
 


หมายเหตุ. สงวนลิขสิทธ์ภาพและเนื้อหา นอกจากจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
Use of this site signifies your acceptance of the Privacy Policy and Terms of Use.
Copyright © 2005 Variety News Edition Corp. All rights reserved.